Art Of Tea Lovers
ศิลปะของคนรักชา
ศรีลังกา ( Sri Lanka )
ประเทศศรีลังกา
เป็นเกาะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย มีพื้นที่ประมาณ 25,332
ตารางไมล์
ศรีลังกาเดิมมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า ซีลอน (CEYLON)
เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1798 และได้รับเอกราชคืนในปี ค.ศ. 1948
ศรีลังกาเดิมปลูกกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ
แต่เมื่อเกิดโรคระบาดกับต้นกาแฟในปี ค.ศ. 1869 ทำให้พืชเศรษฐกิจนี้ถูกทำลายอย่างย่อยยับ
ทำให้ชาวไร่กาแฟเกือบจะล้มละลาย ก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาด 4-5 ปี
ชาวสก็อตต์ชื่อ เจมส์ เทเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปลูกชาทางตอนเหนือของอินเดียได้เดินทางเข้ามายังศรีลังกา
และทดลองปลูกชาในบริเวณเนินเขา ลูลาคอนเดรา (Loolacondera)
เขาได้ใช้บริเวณระเบียงหน้าบ้านพักของเขาเป็นที่ทดลองคัดและหมักใบชา
เขาสร้างเตาด้วยดินเหนียว และนำตะแกรงลวดมาทำเป็นกระทะคั่วใบชา
เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นกับต้นกาแฟ
เขาสังเกตเห็นว่าต้นชาของเขาไม่ได้รับผลกระทบจากเชื้อราที่ทำลายต้นกาแฟ
เขาจึงตัดสินใจทำลายต้นกาแฟที่เป็นโรคทิ้ง และรีบขยายพันธ์ชาเพื่อปลูกแทนที่
ในปี ค.ศ. 1872
นายเจมส์
เทเลอร์ ตั้งโรงงานชาขึ้น และต่อมาเขาก็ผลิตใบชาออกสู่ท้องตลาด
แม้ปริมาณจะไม่มากคือประมาณ 23 ปอนด์ เท่านั้น แต่ถัดมาอีก 8 ปี
ปริมาณการผลิตก็เพิ่มจาก 23 ปอนด์ เป็น 82 ตัน และในปี
ค.ศ. 1890 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 23,000 ตัน ปัจจุบันศรีลังกาสามารถผลิตใบชาได้ถึง 350,000
ตันต่อปี
มีประชากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้มากกว่าล้านคน นาย
เจมส์ เทเลอร์ ได้รับการยกย่องจากชาวศรีลังกา
ให้เป็นบุคคลแรกที่บุกเบิกการปลูกชา และนำธุรกิจชาของศรีลังกาออกสู่ตลาดโลก
ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์
ปัจจุบันธุรกิจชาของศรีลังกาอยู่ในความดูแลของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เพาะปลูก วิธีการปลูกไปจนถึงการผลิต
ผลผลิตทั้งหมดจะต้องได้รับการตรวจสอบจากรัฐบาลและถ้าได้มาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดไว้
รัฐบาลก็จะประทับตรารับรองคุณภาพเป็นรูป “สิงโต”
เครื่องหมายคุณภาพชาซีลอน
ชาที่มีชื่อเสียงของศรีลังกา หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันคือ ชา
ที่เรียกกันว่า ชาซีลอน (Ceylon) มีแหล่งที่ปลูกทั้งบนเขาสูงและบริเวณพื้นที่ราบ
ชาพันธ์ดีของศรีลังกาส่วนมากจะปลูกบนเขาสูง เช่นที่ ดิมบูลา (Dimbula)
หรือที่เมือง อูวา (Uva) ชาที่ได้ชื่อว่าเป็น ชาแชมเปญของศรีลังกา (Champagne of
Ceylon Tea) คือชาที่ปลูกแถบบริเวณยอดเขา นูวาราเอลียา (Nuwara Eliya)
ใบชาที่จะนับว่าสุดยอดจริงๆ ของที่นี่ จะต้องเป็นชาที่เด็ดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เท่านั้น
รองลงมาคือชาที่ปลูกในบริเวณเมือง อูวา (Uva)
และเด็ดใบในเดือนมิถุนายน ส่วนใบชาที่เด็ดในเดือนอื่นๆคุณภาพก็จะลดหลั่นลงมา
จนถึงเป็นชาธรรมดา
ที่มา : หนังสือ "ชา..Cha เลือกชาดื่ม ซื้อชาเป็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น