วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประเภทชาแบ่งตามกระบวนการผลิต

Art Of Tea Lovers
ศิลปะของคนรักชา
photo : medthai.com


                ใบชาที่เก็บจากพุ่มเดียวกัน ขึ้นอยู่กับคนเก็บว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้มันมีความแตกต่างกัน
จากขบวนการผลิตขั้นสุดท้ายสามารถแบ่งชาได้เป็น 6 ชนิดด้วยกัน
1.       ชาขาว (White tea)
2.       ชาเขียว (Green tea)
3.       ชาอูหลง (Oolong tea)
4.       ชาดำ (Black tea)
5.       ชาผสม (Scented tea)
6.       ชาก้อน (Compressed tea)

บางตำราของจีน แบ่งประเภทของชาได้เป็น 6 ชนิดเช่นกัน คือชาขาว, ชาเหลือง, ชาขียวอ่อน, ชาเขียว, ชาแดง และชาดำ ส่วนในซีกตะวันตกนั้นเนื่องจากชาเขียวและชาเขียวอ่อนแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน ดังนั้นทั้งสองชาจึงถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกัน คือชาเขียว

White Tea :  ชาขาว
                เป็นชาที่เก็บจากยอดใบ โดยจะมีการเก็บเป็นพิเศษในช่วง 2 – 3 วันแรกของการเริ่มต้นฤดูเก็บชา ใบชาจะไม่มีการหมัก แต่จะทำแบบธรรมชาติ โดยการใช้ไอน้ำแทน ใบชาจะซีดกว่าชาชนิดอื่นๆ และในการชงจะได้สีที่จางกว่า และให้สารคาเฟอีนต่ำกว่าด้วย ชาขาวถือว่าดีและมีชื่อเสียง ได้แก่ Shou Mei Pai Heo Yin Chin และ Pai Mu Tan
                ความหอมของชาขาวนั้นกลิ่นจะอ่อนกว่าชาชนิดอื่น และเมื่อแรกที่คุณได้สัมผัสรสธรรมชาติอาจจะเหมือนกับการดื่มน้ำร้อนเปล่าๆ ซึ่งรสชาติธรรมดามาก แต่ว่าเพียงชั่วอึดใจหนึ่งคุณก็จะได้สัมผัสกับรสชาติที่นุ่ม หอมหวานในขณะที่คุณกลืนลงไปในลำคอ และกลิ่นอ่อนๆ ของชาขาวก็ยังคงรวยรินอยู่ที่ลิ้น ลำคอ และในปากของคุณ ข้อแนะนำการดื่มชาขาวนั้นไม่ควรใส่นม


www.preyashop.com

Yellow Tea : ชาเหลือง
                ถูกทำให้เป็นสีเหลืองตามกระบวนการทำชา คือการกวน (Stir – Prying) หรือตามขั้นตอน Killing Green เนื่องจากว่าโทนสีของน้ำชามีผลต่อความรู้สึกอยากดื่มด้วย ชาเหล่านี้ได้แก่ Mao Chien, Huang Ta Cha, Chun Shan Yin Chin จัดอยู่ในประเภทชาเหลือง และชา Chun Shan Yin Chin ถือเป็นชาเหลืองที่ดีที่สุดและมีค่ามากที่สุดในบรรดาชาเหลืองทั้งหมด ว่ากันว่าในสมัยราชวงศ์ถังนั้นนิยมดื่มกันมาก
                ลักษณะของกลิ่นชาเหลืองก็คือ กลิ่นและรสชาติของชาจะไม่เปลี่ยนไปจากที่คุณดื่มตอนชงเสร็จใหม่ๆ แม้ว่าจะถูกวางทิ้งไว้ให้เย็นก็ตาม รสชาติอันขมๆ หวานๆ และกลิ่นเปรี้ยวยังคงตราตรึงที่ลิ้นของคุณ กลิ่นออกเปรี้ยวๆนี้ไม่ใช่กลิ่นเปรี้ยวของส้ม หรือผลไม้รสส้มอื่นๆ แต่เป็นกลิ่นเปรี้ยวของสมุนไพร

Light Green Tea :  ชาเขียวอ่อน
                กลิ่นของชาเขียวอ่อนนั้นจะเหมือนกลิ่นของเมล็ดข้าวสาลี ชาเขียวอ่อนที่มีชื่อเสียงมาก คือ ชาทิกวนอิม (Tich Kuan – Yin) และชาต้าหงเผา (Ta Hung Pao)

Green Tea :  ชาเขียว
                วิธีทำชาเขียวง่ายๆ ด้วยตัวของคุณเอง ขั้นตอนแรกเก็บใบชาเล็กๆ ที่อ่อนที่สุด ใส่ลงไปในตะกร้าสานพื้นเรียบใบใหญ่ๆ ตั้งพักไว้ให้แห้งประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ต่อจากนั้นคุณก็เลือกใบที่เสียออกทิ้ง แล้วนำใบชาที่ได้ใส่ลงในกระทะใบใหญ่ ใช้ไฟอ่อนๆ คั่วกลับไปกลับมาให้ใบชาแห้งสม่ำเสมอกัน หรือคุณจะใช้เตาอบเพื่ออบใบชาให้แห้งก็ได้เช่นกัน
                หลังจากที่ทำการอบหรือปรุงใบชาในกระทะแล้ว คุณก็ทำให้เป็นก้อนกลมขนาดใหญ่ โดยเอาใบออกนวดและตีหลายๆ ครั้ง เมื่อใบชาเริ่มอ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอม แสดงว่าใกล้จะได้ที่แล้ว นำใบชาไปให้ความร้อนอีกครั้งหรือเอาเข้าเตาอบ จากนั้นก็เก็บบรรจุในภาชนะที่มิดชิดแห้งสะอาด ก็เป็นอันเรียบร้อย
                ชาเขียวเป็นชาที่มีสีค่อนข้างเขียว และมีสีเหลืองเล็กน้อย ซึ่งอัตราส่วนของสีเหลืองนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของชาเขียวที่คุณกำลังดื่ม กล่าวกันว่ากลิ่นของชาเขียวนั้นเหมือนกับกลิ่นหมอกในตอนเช้า หรือกลิ่นหญ้าชื้นๆ เมื่อฝนหยุดตกใหม่ๆ กลิ่นของชาเขียวจะติดอยู่ในปากและลำคอนาน
                ชาเขียวที่มีชื่อ คือ ชาหลงจิ่ง (Lung Ching), ชาโปลี (Polee) ซึ่งเป็นชาที่นิยมดื่มกันของชาวแคนตัน มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ราชวงศ์ถัง มีประโยชน์ในการขับเสมหะ และช่วยในการย่อยอาหารอีกด้วย
                ชาเขียวนั้นชงดื่มโดยไม่ต้องใส่นม และชาเขียวนั้นเราแยกชนิดย่อยตามอายุของใบชา และการผลิตได้ดังนี้
1.       ชาดินปืน หรือชาลูกกระสุน (Gun – power Tea) เป็นชาที่ถูกปั้นคล้ายลูกปืนเล็กๆ จากชาอ่อนและชาปานกลาง
2.       ชาจักรพรรดิ (Imperial Tea) เป็นชารุ่นเก่าของชาดินปืน มีใบชาใหญ่กว่า และมีความหนาแน่นน้อยกว่า
3.       ชาไฮซัน (Hyson Tea) หมายถึงฤดูใบไม้ผลิ หรือผลิตผลแรกของใบชา


www.preyashop.com

Red Tea :  ชาแดง
                ชาแดงนั้นน้ำชาจะมีโทนสีน้ำตาลแก่ หรือสีแดงเข้ม มีกลิ่นรุ่นแรงและมีรสหวาน ความเข้มข้นของกลิ่นจะเป็นลักษณะเด่นของชาแดง คือกลิ่นของชาจะไม่จางหายไปเมื่อคุณเติมส่วนผสมอื่นๆลงไปในน้ำชา ด้วยคุณสมบัตินี้จึงทำให้หลายคนนิยมใส่ส่วนผสมพิเศษลงไป เช่น พวกดอกไม้ กลีบกุหลาบ, ดอกลิ้นจี่, นม หรือน้ำตาล ชาวตะวันตกชอบดื่มชาแดง
                ชาแดง Ch’I Men มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ราชวงศ์ชิงแล้ว

Black Tea :  ชาดำ
                การทำชาดำมีความยุ่งยากและใช้เวลานานกว่าชาเขียว ใบชาที่ใช้ก็ต้องตากไว้จนกระทั่งมันเริ่มดำขึ้น จากนั้นคุณก็ตีมันหลายๆครั้งแล้วบด ก็จะทำให้มันแห้ง ตากไว้ให้ถูกแสงเพื่อให้ได้ออกซิเจนเต็มที่ และทำซ้ำหลายๆ ครั้งอาจะต้องใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นใบชาที่เก็บมาจากพุ่มเดียวกัน จะเป็นชาเขียวหรือชาดำก็ขึ้นอยู่กับวิธีการแล้วล่ะ
                ชาดำนั้นกลิ่นของมันออกรสขมๆ ของกลิ่นสมุนไพร ซึ่งมีกลิ่นเหมือนกลิ่นโลหะที่โดนความร้อน
                ตอนแรกที่คุณดื่มชาดำเข้าไป คุณจะรู้สึกว่ามันขมเหมือนกับคุณดื่มยาเข้าไป แต่ต่อมาเมื่อคุณดื่มมันอีกครั้ง รสชาติที่ได้ก็จะเปลี่ยนเป็นหวานๆ ขมๆ ตลอด ดังนั้นลักษณะเด่นของชาดำคือการเปลี่ยนแปลงรสชาติในปากบ่อยครั้ง และมีรสขมๆ หวานๆ ที่ติดทนนาน
                สี่ขั้นตอนการผลิตชาดำ
1.       ขั้นตอนทำให้แห้งหมาด ใบชาที่เก็บมาจะถูกตากให้แห้งพอหมาด เพื่อขจัดเอาความชื้นออก ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 1 วัน หากทำในที่โล่ง แต่หากอบในเตาอบไฟฟ้าใช้เวลาไม่เกิน 2 – 3 ชั่วโมง
2.       ขั้นตอนนวดคลึง ในสมัยก่อน ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาและแรงมากที่สุด เพราะใช้มือในการทำ แต่ปัจจุบันใช้เครื่องจักรกินเวลา 1 – 2 ชั่วโมง
3.       ขั้นตอนการหมักพื่อให้เกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่น เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ใบชาที่ถูกนวดคลึงจนเหนียวนั้น จะถูกนำไปไว้ในที่เย็นและชื้นประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง เพื่อให้ชาทำปฎิกิริยาจนมีสีน้ำตาลแดง และเกิดรสชาติ
4.       ขั้นตอนอบแห้ง เมื่อขั้นตอนการหมักจบลง ใบชาที่ได้จะนำไปอบในห้องควบคุมอุณหภูมิ จนมีสีดำ และตอนนี้ชีความชื้นเหลือเพียง 5%

Compressed Tea : ชาก้อน
                ชาชนิดนี้จะมีขายในรูปแบบแท่งหรือแบบก้อนอิฐ ใบชานั้นจะอบไอน้ำแล้วนำไปบีบอัดให้เข้ากันเป็นก้อนแข็ง จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ปัจจุบันชาก้อนทำมาจาก Dust teas ซึ่งถูกอัดด้วยเครื่องจักรที่ใช้น้ำในการขับเคลื่อนภายใต้แรงดัน หรือที่เรียกกันว่า Hydraulical Machinery เพื่อที่จะให้รูปแบบของชานั้นออกมาให้เท่ากับ 1 ช้อนโต๊ะต่อหนึ่งถ้วยชา การชงชาชนิดนี้ชงแบบปกติ โดยใส่ก้อนชาลงไปในถ้วยเติมน้ำร้อน ใบชาจะค่อยๆ คลายตัวออกมา

Oolong Tea : ชาอูหลง
                ชาวจีนเรียกว่า “มังกรดำ” (Black dragon) ชาอูหลงเป็นชากึ่งหมักและใบชาต้องผ่านกระบวนการทำชาทันทีหลังจากการเก็บใบชา ให้สารคาเฟอีนต่ำ ชาจะมีความนุ่มกว่าชาดำ แต่มีรสชาติที่สดน้อยกว่าชาเขียว ชานี้แบ่งย่อยออกเป็น 2 ชนิด คือ Chaina Oolong และ Formose Oolong ซึ่งจะมีรสชาติที่ต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการหมัก

Scented Tea : ชาผสม

                ชาอูหลง, ชาเขียว ชาดำจะถูกผสมเข้ากับดอกไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งมีกลิ่นหอมต่างๆ กัน ผสมขึ้นมาเป็นชาผสม


www.preyashop.com


ที่มา : หนังสือ “รินใจใส่ชา” คู่มือคนรักชา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น